ประกันรถยนต์ vs ประกันอะไหล่รถยนต์ ต่างกันยังไง?

01/11/2023 09:09 น.

ประกันรถยนต์ vs ประกันอะไหล่รถยนต์ ต่างกันยังไง?

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/car-technician-with-stethoscope-car-showroom_6190108.htm#query=car%20insurance&position=12&from_view=search

สำหรับใครที่มีรถยนต์ หนึ่งในสิ่งจำเป็นที่รถทุกคันต้องมีคือประกันรถยนต์ ที่เป็นสิ่งที่จะคอยคุ้มครองทั้งตัวเจ้าของรถ และคู่กรณี ในยามที่เกิดอุบัติเหตุ แต่นอกเหนือจากประกันรถยนต์แล้ว ก็ยังมีประกันอะไหล่อีกด้วย ซึ่งหลายๆ คนอาจเกิดความสับสนระหว่าง ประกันรถยนต์ และประกันอะไหล่รถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองคล้ายๆ กัน แต่แท้จริงแล้วประกันทั้งสองประเภทนั้นมีความแตกต่างกัน และให้การคุ้มครองที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น วันนี้คานะจะมาแนะนำว่า ประกันรถยนต์ และประกันอะไหล่ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
 

ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ เป็นประกันที่มีหน้าที่ในการคุ้มครอง “ผู้เอาประกัน” และ “รถผู้เอาประกัน” ในกรณีที่เกิดความเสียหายจาก วินาศภัย หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ หรือความเสียหายที่เกิดต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของผู้โดยสารภายในรถ หรือบุคคลภายนอก ประกันรถยนต์ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแผนประกันที่ “ผู้เอาประกัน” เลือกไว้ โดยจะมีตั้งแต่ประกันชั้น 1 ไปจนถึงประกันชั้น 3
 

ประโยชน์ และความสำคัญของประกันรถยนต์

ความแตกต่างประกันรถยนต์และประกันอะไหล่รถยนต์

 

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/insurance-agent-working-during-site-car-accident-claim-process-people-car-insurance-claim_5597944.htm#query=car%20accident&position=29&from_view=search
 

1. คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ และทรัพย์สินของคู่กรณี*

ประกันรถยนต์จะทำหน้าที่ในการช่วยดูแลคุ้มครองรถยนต์ของเราในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ ประกันจะช่วยเราลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดต่อรถยนต์ นอกจากนี้ประกันยังช่วยคุ้มครองในกรณีที่รถสูญหาย ถูกโจรกรรม หรือเกิดไฟใหม้ น้ำท่วมรถ ประกันรถยนต์จะช่วยออกค่าใช้จ่ายทดแทนรถที่เสียหายไป โดยจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องเสียเงินซื้อรถใหม่ นอกจากนี้ประกันรถยนต์ก็ยังช่วยออกค่าใช้จ่ายในกรณีที่เราเป็นฝ่ายสร้างความเสียหายต่อคู่กรณีอีกด้วย ทั้งนี้การคุ้มครองของประกันก็จะขึ้นอยู่กับแพ็คเกจประกันท่ีเราเลือก ว่าจะคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน

ประโยชน์ และความสำคัญของประกันรถยนต์

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/paramedic-giving-oxygen-injured-girl_8236698.htm#page=2&query=car%20accident&position=26&from_view=search
 

2. คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของเรา และคู่กรณี*

แน่นอนว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากจะสร้างความเสียหายแก่ตัวรถยนต์แล้ว บางครั้งก็ยังก่อให้เกิดความบาดเจ็บต่อตัวเรา หรือบุคคลภายนอกได้ ประกันรถยนต์นอกจากจะทำหน้าที่ในการออกค่าซ่อมแซมรถยนต์แล้ว ก็ยังช่วยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ตัวเรา และคู่กรณีอีกด้วย โดยประกันภัยจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ตามวงเงินที่กำหนด

 

3. ไม่ครอบคลุมกรณีที่รถเสียจากการใช้งาน หรือสึกหรอ*

แม้ว่าประกันรถยนต์จะทำหน้าที่ในการช่วยเหลือความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากรถยนต์ ทั้งอุบัติเหตุ และเครื่องยนต์ที่ทำงานผิดพลาด แต่การคุ้มครองของประกันรถยนต์จะไม่ครอบคลุมถึงกรณีที่เครื่องยนต์ หรืออะไหล่ของรถยนต์มีปัญหาเนื่องจากความบกพร่องเสียหายตามการใช้งานปกติ
 

ประกันอะไหล่รถยนต์

ประกันอะไหล่รถยนต์ จะเป็นประกันที่เสริมมาจากประกันภัยรถยนต์ โดยจะทำหน้าที่ดูแลรักษาชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จากกรณีต่างๆ ที่เป็นความบกพร่องเสียหายจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ หรือชุดเกียร์ขับเคลื่อนเสียหาย ที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงาน ระบบต่างๆ ภายในรถเกิดความขัดข้อง ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ไม่ได้อยู่ในแผนประกันภัยรถยนต์ และเป็นความเสียหายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ โดยกรมธรรม์จะทำหน้าที่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์
 

ประโยชน์ และความสำคัญของประกันอะไหล่รถยนต์

คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ และทรัพย์สินของคู่กรณี

 

ที่มาของรูป: https://freepik.com/free-photo/car-mechanic-car-service-checking-up-car_27334470.htm#query=car%20fixing&position=6&from_view=search  

 

1. คุ้มครองเฉพาะอะไหล่รถยนต์

ประกันอะไหล่รถยนต์ จะทำหน้าที่ในการดูแลเกี่ยวกับการซ่อมแซมอะไหล่รถยนต์ ในแทบจะทุกกรณี ทำให้ผู้ที่ทำประกันภัยสามารถสบายใจได้ว่าสามารถทำการเปลี่ยนอะไหล่ หรือซ่อมแซมรถยนต์ ด้วยค่าใช้จ่ายที่สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้การคุ้มครองของประกันอะไหล่รถยนต์ ก็ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่ตัวผู้ซื้อประกันเลือก ซึ่งแต่ละแพ็คเกจของประกันอะไหล่ จะให้การคุ้มครองชิ้นส่วนที่ต่างกันไป ตั้งแต่แพ็คแกจที่คุ้มครองเฉพาะอะไหล่ ไปจนถึงแพ็คเกจที่คุ้มครองระบบไฟฟ้า ต่างๆ ภายในรถยนต์

 

2. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์

รถยนต์ก็เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งของต่างๆ ที่เมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน อะไหล่ หรือเครื่องยนต์ภายในต่างๆ ก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ดังนั้นจึงต้องมีการทำประกันอะไหล่รถยนต์ เพื่อคอยป้องกัน และดูแลค่าใช้จ่ายจากกรณีที่รถยนต์เกิดการขัดข้อง หรือระบบการทำงานผิดปกติ ทำให้คนที่ขับรถเก่า หรือรถมือสอง สามารถสบายใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

 

3. ไม่ครอบคลุมในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ

ประกันอะไหล่ จะมีความต่างจากประกันรถยนต์ ตรงที่ประกันอะไหล่เป็นประกันเสริมเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ หรือชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์เท่านั้น แต่จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุใดๆ กับรถยนต์ ต่างกับประกันรถยนต์ที่จะเน้นดูแลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเป็นหลัก
 

ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ และประกันอะไหล่รถยนต์

ประกันรถยนต์ จะทำหน้าที่ในการคุ้มครอง ดูแลทั้งรถยนต์ผู้เอาประกัน คู่กรณี รวมถึงบุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุวินาศกรรมต่างๆ ซึ่งกรมธรรม์จะครอบคลุมถึงการซ่อมรถ การรักษาพยาบาล ซึ่งมีความจำเป็นที่รถทุกคันควรต้องมี ส่วนประกันอะไหล่รถยนต์นั้นถือเป็นประกันที่เสริมมาจากประกันภัยรถยนต์ ที่กรมธรรม์จะมีหน้าที่ดูแลเฉพาะอะไหล่รถ หรือระบบต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ ที่เกิดจากการเสื่อมสภาพ หรือเกิดความขัดข้องเสียหาย อีกหนึ่งความต่างของประกันทั้งสองประเภทคือ ประกันอะไหล่ จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุใดๆ ทั้งสิ้น 
 

สรุป

จะเห็นได้ว่า ประกันอะไหล่รถยนต์ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่มีรถ ไม่แพ้ประกันภัยรถยนต์ เพราะด้วยกรมธรรม์ที่พร้อมปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์แบบครบวงจร เพื่อให้สามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย และสบายใจมากขึ้น คานะขอแนะนำกรุงศรี ออโต้ โพรเทค ประกันคุ้มครองอะไหล่จาก กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์

*รูปแบบของการคุ้มครองอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของชั้นประกัน