รถมือสองทำประกันแบบไหนดี?

24/03/2023 16:00 น.

ประกันรถมือสอง
ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/row-new-cars-port_13180844.htm#query=car%20parking&position=17&from_view=search&track=ais

สำหรับใครที่กำลังมีแพลนอยากซื้อรถ และมองหารถมือสองเป็นตัวเลือกในใจ แต่ยังลังเลหรือสงสัยเกี่ยวกับ ประกันรถมือสอง เพราะไม่ว่ารถยนต์ของเราจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง ก็ควรมีประกันรถยนต์ไว้ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ผู้ขับขี่อุ่นใจเพื่อช่วยลดความกังวลในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน วันนี้คานะได้รวบรวมปัจจัยต่างๆ มาช่วยเพื่อนๆ ประกอบการตัดสินใจแล้ว

ข้อดีของรถมือสอง

1. ราคา และความคุ้มค่า

ข้อนี้ถือเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อรถมือสองเลยก็ว่าได้ เนื่องจากราคารถมือสองลดลงไปกว่า 30-50% จากราคารถมือหนึ่ง อีกทั้งยังขายต่อขาดทุนน้อยกว่าขายรถมือหนึ่ง ซึ่งถ้าเราซื้อรถมือสองมา แล้วขายต่อเป็นรถมือ 3, 4, 5 ก็จะขาดทุนไม่เยอะเมื่อเทียบกับการขายรถมือหนึ่งเป็นรถมือสอง ยิ่งถ้าเป็นรถตลาดด้วยแล้ว ยิ่งขายได้ในราคาดี ไม่ขาดทุนมากนัก

2. มีตัวเลือก และเข้าถึงรถได้หลากหลายกว่า

ในจำนวนเงินที่เทียบเท่ากัน แต่ได้รถมือสองรุ่นที่ใหญ่กว่า ดีกว่า ฟังก์ชันครบครันกว่า อีกทั้งมีตัวเลือกหลากหลายกว่า มีหลายรุ่น หลายปีให้เลือกสรร และหากเจ้าของเดิมดูแลรถดี จะมีอุปกรณ์เสริมครบครันให้อีกด้วย


ที่มาของรูป : https://www.freepik.com/free-photo/business-man-show-money-bank-note-make-financial-plan-invite-people-sell-buy-house-car-monetary-properties-loan-credit-insurance-concept_5072205.htm#query=trade%20car&position=1&from_view=search&track=ais

ในส่วนของประกันอาจใช้ต่อจากกรมธรรม์รถเดิมได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับผู้ขาย ซึ่งบางกรณีที่ผู้ขายอาจแจ้งว่าจะแถมประกันให้ แต่ไปยกเลิกสัญญา เพื่อเอาเบี้ยประกันในภายหลัง เป็นอีกจุดที่ควรพูดให้ชัดเจนก่อนตกลงตัดสินใจซื้อ ถึงแม้ว่ารถของเราจะเป็นรถมือสอง แต่การมีประกันรถที่มีความคุ้มครองครอบคลุมไว้นั้น ทำให้อุ่นใจกว่า

ข้อควรตัดสินใจในการตัดสินใจซื้อ ประกันรถมือสอง

การเลือกซื้อประกันรถมือสองควรคำนึงถึง 3 เรื่อง คือ 

1. ช่วงอายุของรถ

คนส่วนใหญ่มองว่ารถมือสองจะมีสภาพเก่า แต่จริงๆ แล้วรถมือสองที่ผ่านการใช้งานเพียง 1-2 ปี รถมือสองสภาพใหม่ หรือรถบ้านที่เน้นจอดเป็นส่วนใหญ่ก็มีเช่นกัน ดังนั้นการจะเลือกซื้อประกันชั้น 1 หรือ 2+ สำหรับรถมือสองควรดูจากช่วงอายุของรถ

โดยแบ่งช่วงอายุรถเป็น 3 ขั้น ดังนี้

1.1 รถใหม่ใช้น้อยราวกับมือหนึ่ง หรือรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี
สำหรับรถที่เลขไมล์น้อย สภาพดีเหมือนใหม่ หากมีงบมากพอ คานะอยากแนะนำให้ทำประกันชั้น 1 เพื่อคุ้มครองทั้งในกรณีที่มีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณีอย่างการขับรถชนต้นไม้ หรือเฉี่ยวฟุตบาท รวมถึงรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าหากงบไม่ถึง หรือขับไม่บ่อยเน้นจอดเป็นส่วนใหญ่ ประกันชั้น 2+ ถือว่าตอบโจทย์ ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้มครองในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี แต่ก็ถือว่าคุ้มครองครอบคลุม และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณนึงเลยทีเดียว

1.2 รถที่ผ่านการใช้งานมาบ้าง หรือรถที่มีอายุช่วง 6-10 ปี
สำหรับรถที่ผ่านการใช้งานมาประมาณนึง หลังจากที่ตรวจสอบสภาพ เปลี่ยนอะไหล่ไประดับหนึ่งแล้ว คานะอยากแนะนำให้ทำประกันชั้น 2+ ที่มีความคุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 1 อย่างความคุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองในกรณีที่รถโดนโจรกรรม และกรณีรถไฟไหม้

1.3 รถเก่า ผ่านการใช้งานสมบุกสมบันมามาก หรือรถที่มีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป
รถที่มีอายุการใช้งานมาค่อนข้างเยอะ ความเสี่ยงในการโดนโจรกรรมน้อยลง
ซึ่งประกันชั้น 3+ ที่ยังคุ้มครองกรณีชนแบบมีคู่กรณี แต่ไม่ครอบคลุมในกรณีที่โดนโจรกรรม ไฟไหม้ และน้ำท่วม ซึ่งถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2+ ลงไปเยอะพอสมควร

2. งบประมาณ

งบประมาณถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อประกันรถมือสอง แล้วประกันแต่ละชั้นต่างกันอย่างไร คานะขอสรุปสั้นๆ ให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ ว่า ประกันชั้น 1, 2+, 3+ จะคุ้มครองในกรณีชนแบบมีคู่กรณี แต่ประกันที่ถูกลงมาอย่างประกันชั้น 2 และ 3 จะไม่มีความคุ้มครองในส่วนนี้

3. พฤติกรรมการใช้รถ

สำหรับบ้านไหนที่มีรถหลายคัน รถคันไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้เป็นหลัก การเลือกชั้นประกันที่ลดความคุ้มครองลงมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างการเลือกประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ที่ยังมีความคุ้มครองในส่วนของการชนแบบมีคู่กรณีอยู่ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

สรุป

ไม่ว่าจะเลือกประกันแบบไหน มีความคุ้มครองอย่างไร อย่าลืมศึกษาข้อควรรู้ก่อนซื้อประกันรถ อีกทั้งคานะอยากให้ทุกคนมีสติในการ
ขับขี่อยู่เสมอ ขับขี่อย่างระมัดระวัง เพราะป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเสมอ สำหรับใครที่สนใจ หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าซื้อประกันรถมือสอง แบบไหนดี? ติดต่อสอบถามคานะ ให้ช่วยหาประกันที่ตรงใจได้เลย