รู้แล้วรีบหยุด!! 5 พฤติกรรมที่อาจทำให้รถพังเร็วขึ้น

21/08/2023 13:13 น.

การใช้รถเป็นประจำนั้น บางครั้งเจ้าของอาจทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนทำให้รถพังโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยการดูแลรถ จนทำให้รถเกิดความขัดข้องเสียหาย และนำมาสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมมากมาย ซึ่งพฤติกรรมที่ทำร้ายรถ มีอะไรบ้างและส่งผลเสียอย่างไรต่อรถบ้าง วันนี้คานะรวมมาไว้ให้แล้ว

 

1.ไม่ทำความสะอาดรถ

รถสกปรก

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/close-up-image-dirty-car-after-trip-around-countryside_25192197.htm

หลายคนอาจมองว่าการทำความสะอาดรถ ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำประจำ แต่รู้หรือไม่ว่าการปล่อยให้รถสกปรกเป็นเวลานาน ส่งผลให้สีของรถพังไวขึ้น เพราะคราบสกปรกจะส่งผลเสียต่อภายนอกรถด้วยการทำร้ายสีของรถ ไม่ว่าจะเป็น คราบน้ำฝน ยางจากต้นไม้ ขี้นก ที่หากทิ้งไว้เป็นเวลานานจะเป็นคราบเกาะติดที่ล้างออกได้ยาก จนทำให้รถไม่สวยงาม ส่งผลให้เมื่อล้างรถ หรือเปลี่ยนสีรถใหม่ มีราคาที่ค่อนข้างแพง ดังนั้นเพื่อให้รถของคุณยังคงมีสีที่สวยงามเหมือนรถใหม่ ควรหมั่นล้างรถเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้สีของรถคงความเงางามไม่ดูเก่า

 

2.ละเลยการตรวจเช็กยางรถ

เติมลมยาง

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/technician-is-repairing-car-flat-tire_3763257.htm

ยางรถยนต์ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างปลอดภัยราบรื่น แต่บางครั้งคนขับอาจละเลยยางรถยนต์ จนลืมตรวจเช็กระดับลมยางว่าอยู่ในระดับที่พอดีหรือไม่ เพราะหากมีระดับลมยางที่น้อยเกินไป อาจทำให้ยางมีความอ่อนเกินไป จนเป็นความเสี่ยงที่ทำให้รถยางแตกจนส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจนรถพังได้ หรือหากยางแข็งเกินไปอาจทำให้จังหวะเข้าโค้งยางยึดเกาะถนนได้ไม่ดี จนเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเจ้าของรถควรหมั่นตรวจเช็กลมยางว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ หรือหากพบว่ายางมีรอยปริแตก ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที

 

3.ไม่ค่อยสังเกตสัญญาณไฟบนหน้าปัดรถยนต์

 ไฟหน้าปัดรถ

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/fuel-speedometer-car_7101492.htm

สัญลักษณ์ไฟบนหน้าปัดรถยนต์ เป็นส่วนที่มีความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นส่วนที่ทำหน้าที่บอกความผิดปกติจากการทำงานของเครื่องยนต์ โดยส่วนใหญ่สัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถมักจะขึ้นเตือนเมื่อมีน้ำมันเครื่องที่น้อยเกินไป หากทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายจนทำให้รถพังได้ ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือหากไฟที่หน้าปัดแสดงผลบนหน้าจอ เจ้าของรถควรดำเนินการตรวจเช็กรถยนต์โดยเร็ว เพื่อลดโอกาสที่รถจะเกิดความเสียหายหนักขึ้นกว่าเดิม

 

4.ชอบบรรทุกของหนัก

 รถขนของ

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/car-full-food-poor-people_15574115.htm

คนไทยส่วนใหญ่มักนิยมขับรถกระบะ เนื่องจากสามารถขนของทางไกลได้เป็นจำนวนมาก แต่บางครั้งการบรรทุกของจำนวนมากและมีน้ำหนักที่เกินกำลังรถรับไหว ก็ส่งผลเสียต่อรถได้เช่นกัน เพราะเมื่อรถแบกน้ำหนักมาก ๆ เป็นเวลานานอาจทำให้ช่วงล่างของรถยนต์เสียได้ง่าย นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อระบบส่งกำลัง ทำให้ระบบเบรกต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นจนทำให้รถพังง่ายยิ่งขึ้น และยังกินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม  วิธีป้องกันที่ดีคือการหลีกเลี่ยงบรรทุกของหนักบนรถที่บ่อยจนเกินไป และนำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากรถ เพื่อประหยัดพื้นที่ และยังประหยัดเชื้อเพลิงของรถอีกด้วย

 

5.ละเลยการตรวจสภาพรถ

ตรวจสภาพรถ

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/car-repairman-wearing-white-uniform-standing-holding-wrench-that-is-essential-tool-mechanic_5473566.htm

รถทุกคันจะมีวันกำหนดเพื่อตรวจสภาพรถในแต่ละปี แต่เนื่องจากบางคนที่อาจมีภาระต่าง ๆ ที่ทำให้ยุ่งจนลืมตรวจสภาพรถ ซึ่งหากทิ้งไว้นานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อรถโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อเราใช้รถมาเป็นเวลานานเครื่องยนต์ก็ยิ่งสะสมความสกปรกจากน้ำมันเครื่องเก่า หรือช่วงเวลาที่ขับรถมาโดยตลอดรถยนต์อาจมีความผิดปกติที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำให้รถพังหนักขึ้นกว่าเดิม เจ้าของรถควรตรวจสภาพรถอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่

 

สรุป

ทั้ง 5 พฤติกรรมที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่เจ้าของรถควรระมัดระวัง และหลีกเลี่ยง เนื่องจากหากทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจส่งผลเสียให้ส่วนต่าง ๆ ของรถพัง จนนำมาสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แต่นอกจากการระมัดระวังพฤติกรรมที่ทำร้ายรถแล้ว อย่าลืมมองหาประกันอะไหล่มาช่วยดูแลรถของคุณ คานะขอแนะนำ ประกันคุ้มครองอะไหล่ ราคาเริ่มต้นเพียง 6,400 บาท* สามารถผ่อน 0% สูงสุด 6 งวด*

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด