Tip & Trick EP. 8: รู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนตัดสินใจซื้อ!

05/04/2024 08:39 น.

Tip & Trick EP. 8: รู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนตัดสินใจซื้อ!

Cr.FreePik

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนใช้รถ ไม่ว่าจะด้วยเพราะเทคโนโลยีลดมลภาวะหรือเพราะประหยัดน้ำมัน แต่ด้วยความที่ยังเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย  การจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนั้นก็มีข้อควรพิจารณาต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกับรถยนต์น้ำมัน รวมถึงเทคนิคการดูแลรถยนต์ไฟฟ้า  ก็แตกต่างกัน ในบทความนี้คานะได้รวม 5 เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถ EV ว่ามีอะไรบ้าง ใครที่อยากรู้ไปติดตามอ่านได้เลย

 

1.เลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ก่อนที่จะเริ่มซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หนึ่งในสิ่งที่ควรรู้คือไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้รถของเราเป็นอย่างไร มีความจำเป็นต่อการเดินทางในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จ 100% โดยระยะทางในการวิ่งของรถไฟฟ้าต่อการชาร์จ 1  ครั้งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ รวมถึงสมรรถนะของรถรุ่นนั้น ๆ

ดังนั้นคุณควรพิจารณาการใช้รถของตนเองก่อนว่ารูปแบบการใช้รถยังไง ในแต่ละวันใช้เดินทางไกลแค่ไหน จะช่วยให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหน หากเป็นคนที่ใช้รถเดินทางไกลบ่อย ๆ เช่น เดินทางไปต่างจังหวัด อาจเลือกรถไฟฟ้า EV ที่มีความจุของแบตเตอรี่สูง ส่วนใครที่ใช้รถในการเดินทางระยะสั้น ๆ เน้นขับขี่ในเมืองอาจเลือกรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีความจุของแบตเตอรี่ไม่สูงมากนัก

 

2.ศึกษาระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่

ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

Cr.FreePik

ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถที่ไม่ต้องเติมน้ำมัน ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้ แต่ทว่าการชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าก็แลกมาด้วยระยะเวลาในการชาร์จที่ค่อนข้างนาน ดังนั้นก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าผู้ใช้ควรศึกษาระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ให้ดีเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนใช้งานในแต่ละครั้ง

ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรศึกษาเปรียบเทียบการชาร์จรูปแบบ AC Charge และ DC Charge

AC Charge

โดยการชาร์จรถไฟฟ้าแบบ AC Charge จะเป็นการชาร์จแบบกระแสสลับ เหมาะสำหรับเป็นเครื่องชาร์จเพื่อติดตั้งใช้งานในบ้านหรือคอนโด เนื่องจากไม่เปลืองไฟ แต่มีระยะเวลาในการชาร์จค่อนข้างนาน

DC Charge

ส่วนการชาร์จรถไฟฟ้าแบบ DC Charge คือการชาร์จไฟแบบกระแสตรง ทำให้มีระยะเวลาในการชาร์จต่อครั้งที่สั้นมาก โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการชาร์จจาก 0 - 80%  แต่มีราคาค่อนข้างสูงเหมาะกับการชาร์จระหว่างเดินทางไกล ส่วนใหญ่ DC Charge จะเป็นสถานีชาร์จตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เดินทางไกล

 

3.เตรียมความพร้อมกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

ไม่ว่าจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์น้ำมัน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะตามมา เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเชื้อเพลิง ค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าก็มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างจากรถยนต์น้ำมัน แบ่งออกเป็นดังนี้

  • ค่าติดตั้ง EV Charger คือการติดตั้งที่ชาร์จสำหรับใช้งานที่บ้าน โดยราคาค่าติดตั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่อง มีตั้งแต่ 3.7 KW - 22 KW ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งมีตั้งแต่ 35,000 - 75,000 บาท
  • ค่าบำรุงรักษา เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าใช้เครื่องยนต์ต่าง ๆ ที่เป็นไฟฟ้าทั้งหมด ทำให้มีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์น้ำมัน ส่งผลให้มีค่าบำรุงที่น้อยลงไปด้วยโดยค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าต่อระยะ 100,000 กิโลเมตร จะเริ่มต้นที่ประมาณ 8,000 บาท ต่างจากรถยนต์น้ำมันที่ค่าบำรุงรักษาเริ่มต้นที่หลักหมื่นเลย
  • ค่าเชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่ารถยนต์น้ำมัน เนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยจะอยู่ที่ประมาณ 0.70 บาท/กิโลเมตร
  • ค่าเบี้ยประกัน โดยประกันรถยนต์ไฟฟ้านั้น จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าประกันรถยนต์น้ำมัน เนื่องจากศูนย์บริการยังมีน้อยและชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ ที่ค่อนข้างหายากกว่า ทำให้เบี้ยประกันมีราคาสูงตามไปด้วย

 

4.มีบริการหลังการขายน่าเชื่อถือหรือไม่

อีกหนึ่งข้อควรรู้สำคัญก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละครั้ง คือบริการหลังการขายของรถยนต์แบรนด์นั้น ๆ เนื่องจากการซ่อมรถ EV แต่ละครั้ง ต้องใช้อะไหล่แท้จากศูนย์บริการเท่านั้น ทว่าในปัจจุบันศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือและมีศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น อะไหล่เสียหายในระหว่างเดินทาง แล้วแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของให้มีบริการที่ครอบคลุม นอกจากจะช่วยให้คุณอุ่นใจตลอดทริปแล้ว ยังช่วยให้ได้อะไหล่แท้และบริการที่มีคุณภาพอีกด้วย

 

5.เลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ที่สุด

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า

Cr.FreePik

ประกันรถยนต์คือสิ่งที่รถทุกคันต้องมีไม่ว่าจะรถยนต์น้ำมันหรือรถยนต์​ไฟฟ้า ซึ่งความต่างของประกันรถยนต์ไฟฟ้ากับรถน้ำมัน  นอกจากด้านราคาแล้ว ยังมาพร้อมความคุ้มครองที่เยอะกว่า ซึ่งการเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้า  ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานและมีโปรโมชัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดหรือการแบ่งชำระได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คุณและรถได้รับความคุ้มครองแล้วยังลดภาระค่าใช้จ่ายจากเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ อีกด้วย

 

สรุป

จบไปแล้วนะคะ สำหรับทั้ง 5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถ EV ที่คานะรวมมาให้ จะเห็นได้ว่าการเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมต่อการใช้งานของเรานั้น นอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมั่นใจมากขึ้น ส่วนใครที่มองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมเบี้ยสุดคุ้ม ให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์คานะขอแนะนำ ประกันรถยนต์ ชั้น 1 EV กับ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์  ที่ให้คุณสามารถแบ่งจ่ายเงินสดได้สูงสุด 6 งวด* ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก พร้อมบริการซ่อมศูนย์

*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด สำหรับลูกค้าทั่วไปเท่านั้น