รถยนต์ไฟฟ้า ประหยัดกว่ารถยนต์น้ำมันจริงหรือ?

27/01/2023 09:35 น.

หากพูดถึงเทรนด์ยานยนต์ที่มาแรงในปัจจุบัน คงต้องพูดถึง รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) เป็นอันดับแรกๆ เพราะนอกจากความทันสมัยแล้ว ยังเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ทำให้ช่วยลดการใช้น้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งในยุคที่เต็มไปด้วยการรณรงค์ลดใช้พลังงานเพื่อลดภาวะโลกร้อน แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคำถามที่หลายๆ คนยังสงสัย คือรถยนต์ไฟฟ้าจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ารถยนต์น้ำมันจริงหรือ? วันนี้คานะจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

ความแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์น้ำมัน

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/plugged-chargers-into-two-electric-cars-charge-station_14996599.htm#query=ev%20car&position=1&from_view=search&track=sph

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงานแบบ 100% โดยจะมีการชาร์จไฟจากภายนอกมาเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ต่างจากรถยนต์น้ำมันที่จะใช้พลังงานจากการเติมน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้าคือการช่วยลดการใช้พลังงานมากกว่ารถยนต์น้ำมัน ความสิ้นเปลืองพลังงานของรถยนต์ไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 0.6 - 1 บาท/กิโลเมตร ขณะที่รถยนต์น้ำมันจะใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 3 บาท/กิโลเมตร

นอกจากเรื่องประหยัดน้ำมัน และช่วยลดโลกร้อนแล้ว รถยนต์ไฟฟ้ายังมาพร้อมรูปแบบการใช้งานที่เหมาะแก่คนรุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทันสมัย เน้นการอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับอีกด้วย และด้วยเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัยนี้เองที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์น้ำมัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากนัก

ค่าใช้จ่ายของรถยนต์ไฟฟ้า

1.ค่าเชื้อเพลิง/พลังงาน

ที่มาของรูป:https://www.freepik.com/free-photo/man-plugging-charger-into-electric-car-charge-station_14996774.htm#query=ev%20car&position=4&from_view=search&track=sph

หนึ่งในความโดดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า คือค่าเชื้อเพลิง/พลังงาน ที่ค่อนข้างมีราคาถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เจ้าของรถจึงเปลี่ยนจากค่าน้ำมัน เป็นค่าไฟฟ้าแทน ซึ่งค่าเชื้อเพลิงของรถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.5608 บาท/1 กิโลเมตร หากขับรถยนต์ไฟฟ้าในอัตราเดือนละ 2,000 กิโลเมตร จะเสียเป็นค่าไฟประมาณเดือนละ 1,121 บาท แต่หากเป็นรถยนต์น้ำมัน ถ้าขับด้วยอัตราเดือนละ 2,000 กิโลเมตร จะเสียเป็นค่าน้ำมันเดือนละ 5,000 บาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีค่าน้ำมันที่ต้องเติม แต่อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ตามมาของรถยนต์ไฟฟ้าคือการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟรถในบ้าน อุปกรณ์สำหรับชาร์จพลังงานให้รถยนต์พร้อมใช้งานในแต่ละครั้ง ส่วนราคาของค่าติดตั้งเครื่องชาร์จไฟนั้นก็ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่อง ตั้งแต่ 3.7 KW - 22 KW โดยราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ 35,000 - 75,000 บาท

2.ค่าบำรุงรักษา

ที่มาของรูป:https://www.freepik.com/free-photo/3d-electric-car-charging_14371076.htm#page=2&query=ev%20car&position=4&from_view=search&track=sph

นอกจากค่าเชื้อเพลิงที่ประหยัดลงแล้ว อีกหนึ่งความคุ้มค่าของรถยนต์ไฟฟ้า คือค่าบำรุงรักษาที่มีราคาถูกกว่ารถยนต์น้ำมัน เนื่องจากอะไหล่ต่างๆ ในรถล้วนแต่ทำงานด้วยไฟฟ้าเป็นหลัก และยังมีโครงสร้างที่มีส่วนประกอบไม่เกิน 100 ชิ้น ต่างจากรถยนต์น้ำมันที่มีชิ้นส่วนรวมกันมากกว่า 1,000 ชิ้น โดยหากเจ้าของรถทำการขับรถยนต์ไฟฟ้าครบ 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาอยู่ที่ 8,000 บาท ในขณะที่รถยนต์น้ำมันหากใช้งานมาในเวลาเท่ากันจะมีค่าบำรุงรักษาอยู่ที่ 20,000 - 27,000 บาท

ในส่วนของแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 6-8 ปี เนื่องจากผลิตมาจาก “ลิเธียมไอออน” ที่มีคุณสมบัติในการเก็บพลังงานได้มากที่สุด เจ้าของรถสามารถทำการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ และใช้งานซ้ำตลอดอายุการใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง จะมีราคาที่สูงถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว

3.ค่าเบี้ยประกัน

ที่มาของรูป: https://www.freepik.com/free-photo/man-charging-his-electric-car-charge-station-using-smartphone_14996804.htm#page=2&query=ev%20car&position=1&from_view=search&track=sph

ในส่วนของค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์น้ำมัน เนื่องจากอะไหล่ต่างๆ ที่รถยนต์ไฟฟ้าใช้นั้นเป็นอะไหล่ชั้นดี และมีราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้มีค่าเบี้ยประกันสูงตาม หากเป็นประกันชั้น 1 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 20,000 บาท ทุนประกันอยู่ที่ 80% ของราคาตลาด ในขณะที่เบี้ยประกันของรถยนต์น้ำมันจะมีราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาท ทุนประกันตั้งแต่ 100,000 - 300,000 บาท
 

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

1.ระบบการขับขี่ที่เงียบ และอัตราความเร็วที่คนขับควบคุมได้

ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นหลัก ทำให้รถไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้เหมือนรถยนต์น้ำมัน ส่งผลให้การขับรถยนต์ไฟฟ้า มีความเงียบกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มีระบบทดเกียร์ ทำให้ผู้ขับสามารถทำอัตราเร่งตามที่ต้องการได้ดีกว่ารถยนต์น้ำมัน

2.ลดมลภาวะ

เป็นหนึ่งในจุดขายที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเพราะเป็นรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน และพลังงานเชื้อเพลิง ที่เป็นสาเหตุของปัญหามลภาวะ และทำให้โลกร้อน ดังนั้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนรักโลกในปัจจุบัน

3.ประหยัดค่าใช้จ่าย

นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า จะช่วยลดมลภาวะทางอากาศ อีกหนึ่งข้อดีต่อคนใช้รถคือ การประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ จากรถยนต์น้ำมันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะค่าน้ำมัน ที่เจ้าของรถไม่ต้องเสียเงินเติมน้ำมัน รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมัน และเปลี่ยนมาเป็นเสียค่าไฟฟ้าที่มีราคาคงที่ และถูกกว่าแทน

โดยสรุปรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงาน และการดูแลต่างๆ ที่ค่อนข้างถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ผันผวน แต่ด้วยเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างล้ำสมัย ทำให้ราคารถอาจมีราคาค่อนข้างสูงในปัจจุบัน และส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันของรถมีราคาสูงตามไปด้วย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

สำหรับใครที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว อย่าลืมมองหาประกันเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้การขับขี่ของคุณ ด้วยประกันชั้น 1 รถยนต์ไฟฟ้า ซ่อมห้าง เบี้ยประกันเพียง 20,680 บาท* สามารถแบ่งจ่ายเงินสดได้สูงสุด 6 งวด*

*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด