10 วิธี ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยขณะหมอกลงจัด

24/04/2025 15:58 น.

ลมหนาวมาแล้ว โดยเฉพาะทางภาคเหนือของบ้านเรา หลาย ๆ คนยังมีโควต้าวันลาที่ต้องใช้ ไหนจะอากาศดี ๆ ชวนให้ออกไปสัมผัสและให้รางวัลตัวเองจากการทำงานมาทั้งปี จึงเริ่มมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ และหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตสำหรับคนรักธรรมชาติช่วงฤดูหนาวก็คือการขับรถขึ้นเขาไปชมทะเลหมอก แต่ขณะขับรถเที่ยว ไม่ว่านักขับมือใหม่หรือเก่าก็อาจมีอุปสรรคจากสภาพอากาศ เช่น หมอกลงจัดระหว่างทางทำให้กะระยะยาก ถนนลื่นกว่าปกติทำให้ควบคุมรถยากและส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบเบรก หรือแม้กระทั่งเจอหมอกควันจากการเผาพื้นที่การเกษตรต่าง ๆ ฯลฯ ในบทความวิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล มั่นใจก่อนออกทริปตอนที่แล้ว เราได้แนะนำ 6 จุด เช็ครถก่อนเดินทางไกล พร้อม 6 วิธีขับขี่ปลอดภัยกันไปแล้ว ในบทความตอนนี้จึงขอแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยแม้ขณะเจอสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจจากหมอกและควัน ไปติดตามกันได้เลยครับ

1. ใช้ไฟต่ำ

แม้หลายคนจะเชื่อว่าควรเปิดไฟสูงขณะขับรถฝ่าหมอกเพราะไฟสูงส่องได้ไกลถึง 120 เมตร แต่แท้จริงแล้ว ไฟสูงจะสะท้อนโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในหมอกจนเกิดแสงสะท้อนรบกวนทัศนวิสัยผู้ขับขี่ เช่นเดียวกับตอนฝนตกหนักที่หยดน้ำทำหน้าที่เหมือนเลนส์หักเหแสงและทำให้มองเห็นทางหรือรถรอบข้างได้ไม่ชัดเจน ดังนั้น การขับรถให้ปลอดภัยในกรณีฝ่าหมอก ควรเปิดไฟต่ำหรือโคมไฟใหญ่เท่านั้น  นอกจากนี้ ขณะผ่านเนิน โค้ง และทางแยกต่าง ๆ อาจกะพริบไฟเพื่อให้รถที่สวนมาสังเกตเห็นรถเราได้ง่ายขึ้นด้วย สำหรับรถที่มีไฟตัดหมอก การเปิดไฟตัดหมอกก็ช่วยได้ แต่เมื่อทัศนวิสัยดีขึ้นแล้วควรปิดทันทีเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้ขับขี่ยวดยานอื่น ๆ

2. งดเปิดไฟฉุกเฉินขับรถ

เพื่อขจัดความเข้าใจผิดเรื่องในการเปิดไฟฉุกเฉินขับรถ ขอย้ำกันอีกทีว่าไฟฉุกเฉินใช้เฉพาะเมื่อรถเสียเท่านั้น ยิ่งขณะหมอกลงจัดซึ่งผู้ขับขี่กะระยะห่างระหว่างรถได้ลำบาก การใช้ไฟฉุกเฉินจะทำให้รถคันอื่นเข้าใจผิดว่ารถจอดอยู่ หรือหากเปิดไฟเลี้ยวขณะที่เปิดไฟฉุกเฉิน รถคันอื่นจะไม่รู้ว่าเรากำลังจะเลี้ยวและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

3. ขจัดฝ้าบนกระจก

สำหรับรถยนต์แล้ว การขับรถขณะหมอกลงคงเลี่ยงไม่พ้นเรื่องฝ้าบนกระรถรถที่ยิ่งเพิ่มอุปสรรคด้านทัศนวิสัย หากรถไม่มีโหมดไล่ฝ้าบนกระจกหลัง ลองสังเกตว่าฝ้าเกาะอยู่บนกระจกด้านในหรือด้านนอก หากเกิดด้านในให้ลดอุณหภูมิแอร์ลง แต่หากเกิดด้านนอกให้ปรับอุณหภูมิแอร์ขึ้น หากฝนไม่ตก การเปิดกระจกรถเล็กน้อยเพื่อปรับอุณหภูมิภายในและภายนอกตัวรถให้ใกล้เคียงกันจะช่วยลดฝ้าได้ หรือจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเช็ดฝ้าที่เกาะกระจกด้านนอกด้วยผ้าสะอาด

4. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

เพื่อความปลอดภัย ให้รักษาความเร็วในการขับตามรถคันหน้า โดยใช้หลักการ 5 วินาที (หรือ 3 วินาที ในทัศนวิสัยปกติ) สังเกตง่าย ๆ คือ หากรถคันหน้าขับผ่านหลักกิโล ป้ายบอกทางหรือต้นไม้ข้างทางจุดใดจุดหนึ่งก็ได้ ให้นับในใจว่า 1,000, 2,000, 3,000, 4,000, 5,000 หากเราขับรถผ่านหลักกิโลหรือต้นไม้นั้น ๆ ก่อนนับจบ หมายถึงยังเว้นระยะห่างไม่พอ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจเบรครถไม่ทันได้

5. รถจี้ท้าย ไม่ต้องเร่งหนี

แม้ว่าจะรู้สึกอยากขับหนีรถคันที่จ่อท้ายรถคุณมากแค่ไหน ขอแนะนำว่าอย่าพยายามเร่งเครื่องหนี เพราะจะยิ่งทำให้การขับรถฝ่าหมอกอันตรายมากขึ้น พยายามรักษาระดับความเร็วที่เหมาะสมและปลอดภัยไว้ก่อน

6. งดเปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน

ข้อนี้คือสาเหตุหลักข้อหนึ่งของอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพถนนที่หมอกลงจัด หากต้องการเปลี่ยนช่องจราจร ควรเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อให้รถคันอื่น ๆ ที่ตามมาชะลอความเร็วได้ทัน

7. ดูกระจกก่อนแตะเบรค

สำหรับรถยนต์ ก่อนชะลอรถให้ดูกระจกหลังและกระจกข้างก่อนแล้วจึงค่อย ๆ แตะเบรค ยิ่งให้สัญญาณเบรคแก่รถคันหลังได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มากแค่ไหนยิ่งช่วยเตือนรถคันหลังว่าคุณกำลังชะลอรถและลดความเสี่ยงที่รถจะชนท้ายได้มากเท่านั้น

8. ลดสิ่งรบกวนรอบด้าน

สมาธิสำคัญมากขณะขับรถฝ่าหมอก ดังนั้น พยายามเพ่งสมาธิกับการควบคุมรถและการสังเกตเส้นทาง ลดสิ่งรบกวนให้มากที่สุดด้วยการลดเสียงเพลง ปิดการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือ พักการพูดคุยกับผู้ร่วมทางสักครู่ หรือแง้มกระจกรถเพื่อฟังเสียงยานพาหนะรอบด้าน

9. เพิ่มจุดสังเกต

ยิ่งทัศนวิสัยไม่ดี ผู้ขับขี่ยิ่งมีแนวโน้มที่จะขับตามไฟท้ายหรือไฟเบรคคันหน้าโดยอัตโนมัติ แท้จริงการขับตามไฟท้ายคันหน้าเพียงอย่างเดียวอาจจำกัดการมองเห็นขณะขับขี่ไว้เฉพาะช่วงแคบ ๆ และทำให้คุณพลาดการสังเกตสิ่งรอบด้าน เช่น กิ่งไม้ข้างทาง เศษวัสดุบนถนน หรือสิ่งมีชีวิตที่อาจพุ่งออกมาจากข้างทาง ถ้าจะให้ดีแนะนำให้สังเกตเส้นไหล่ทาง เส้นเหลือง แนวเสาไฟฟ้าหรือเสาข้างทางที่ติดแถบสะท้อนแสงควบคู่กันไปด้วย ในขณะเดียวกัน อาจสังเกตไฟหน้าของรถที่สวนมา ถ้าเห็นเเต่ไกลเเสดงว่าข้างหน้าเป็นทางตรง แต่ถ้าอยู่ดี ๆ มีไฟรถโผล่มาเเสดงว่าข้างหน้าเป็นทางโค้งและต้องเพิ่มความระมัดระวัง

10. ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า

เส้นทางที่หมอกลงจัดส่วนใหญ่มักเป็นเส้นทางต่างจังหวัดที่คุณไม่คุ้นเคย ซึ่งยิ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นไปอีก เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยจากความไม่ชินเส้นทาง เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางไว้ก่อน ไม่หวังพึ่ง GPS หรือ Google map เพียงอย่างเดียวโดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อจะได้ทราบว่าจุดใดต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ หรืออาจจะให้คนที่นั่งข้าง ๆ ช่วยกันดูทางด้วย

สรุป

นอกเหนือจาก 10 วิธีขับขี่ฝ่าหมอกให้ปลอดภัยตามที่เรานำเสนอไปแล้ว สุดท้ายแล้วหากหมอกลงจัดจนคุณรู้สึกไม่มั่นใจ อย่าฝืนขับต่อ ให้ตัดสินใจจอดพักในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมันหรือจุดพักรถ งดจอดบนไหล่ทาง แต่หากจำเป็นต้องจอดไหล่ทาง ให้เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้สัญญาณและคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ระหว่างที่นั่งในรถ และเพื่อความปลอดภัยและสบายใจสูงสุดทุกเส้นทางขับรถเที่ยว สำรองความอุ่นใจไว้เสมอด้วยประกันรถยนต์หรือบิ๊กไบค์ คานะขอแนะนำให้ทำประกันภัยรถกับกรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ คุ้มจุใจ ช่วยคุ้มครองความเสียหายต่อรถรวมถึงค่ารักษาพยาบาลให้คุณอุ่นใจ ประกันรถผ่อนจ่ายเงินสด 0% สูงสุด 10 งวด ซื้อง่าย

 

 

ข้อมูลอ้างอิง:
https://blog.firestonecompleteautocare.com
https://www.continental-tires.com