10 วิธี ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยขณะหมอกลงจัด

26/01/2022 15:41 น.

สรุปให้อ่านง่าย

  •   ขับรถฝ่าหมอกให้ปลอดภัย ต้องปรับทัศนวิสัยขณะขับขี่และใช้ไฟสัญญาณให้ถูกต้อง เปิดโคมไฟใหญ่ (ไฟต่ำ) หรือไฟตัดหมอก ไม่เปิดไฟสูงและไฟฉุกเฉินขับรถ หากผ่านเนิน โค้ง และทางแยกต่างๆ อาจกะพริบไฟให้สัญญาณแก่รถที่ขับสวนมา และรีบขจัดฝ้าบนกระจกรถด้วยการปรับอุณหภูมิภายในและนอกรถให้ใกล้เคียงกัน
  •  ด้านความเร็วและการควบคุมรถ ให้เว้นระยะปลอดภัยจากคันหน้าตามหลักการ 5 วินาที หากมีรถจี้ท้าย ไม่ต้องเร่งหนี เปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนช่องจราจรไม่ต่ำกว่า 60 เมตร และดูกระจกหลังและข้างก่อนชะลอความเร็วทุกครั้ง 
  • ด้านทัศนคติการขับขี่และเส้นทาง ควรเพ่งสมาธิกับการขับขี่ให้เต็มที่ และใช้สิ่งต่างๆ ช่วยบอกเส้นทาง ทั้งไฟท้ายคันหน้า เส้นไหล่ทาง เส้นเหลือง แนวเสาไฟฟ้า เสาข้างทางที่ติดแถบสะท้อนแสงหรือแม้แต่ไฟรถที่ขับสวนมา และควรศึกษาเส้นทางล่วงหน้าเพื่อให้ทราบจุดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ลมหนาวมาแล้ว โดยเฉพาะทางภาคเหนือของบ้านเรา หลายๆ คนยังมีโควต้าวันลาที่ต้องใช้ ไหนจะอากาศดีๆ ชวนให้ออกไปสัมผัสและให้รางวัลตัวเองจากการทำงานมาทั้งปี จึงเริ่มมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ และหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตสำหรับคนรักธรรมชาติช่วงฤดูหนาวก็คือการขับรถขึ้นเขาไปชมทะเลหมอก แต่ขณะขับรถเที่ยว ไม่ว่านักขับมือใหม่หรือเก่าก็อาจมีอุปสรรคจากสภาพอากาศ เช่น หมอกลงจัดระหว่างทางทำให้กะระยะยาก ถนนลื่นกว่าปกติทำให้ควบคุมรถยากและส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบเบรก หรือแม้กระทั่งเจอหมอกควันจากการเผาพื้นที่การเกษตรต่างๆ ฯลฯ ในบทความวิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล มั่นใจก่อนออกทริปตอนที่แล้ว เราได้แนะนำ จุด เช็ครถก่อนเดินทางไกล พร้อม วิธีขับขี่ปลอดภัยกันไปแล้ว ในบทความตอนนี้จึงขอแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยแม้ขณะเจอสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจจากหมอกและควัน ไปติดตามกันได้เลยครับ

1. ใช้ไฟต่ำ

แม้หลายคนจะเชื่อว่าควรเปิดไฟสูงขณะขับรถฝ่าหมอกเพราะไฟสูงส่องได้ไกลถึง 120 เมตร แต่แท้จริงแล้ว ไฟสูงจะสะท้อนโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในหมอกจนเกิดแสงสะท้อนรบกวนทัศนวิสัยผู้ขับขี่ เช่นเดียวกับตอนฝนตกหนักที่หยดน้ำทำหน้าที่เหมือนเลนส์หักเหแสงและทำให้มองเห็นทางหรือรถรอบข้างได้ไม่ชัดเจน ดังนั้น การขับรถให้ปลอดภัยในกรณีฝ่าหมอก ควรเปิดไฟต่ำหรือโคมไฟใหญ่เท่านั้น (ข้อมูลจากกรมทางหลวง) นอกจากนี้ ขณะผ่านเนิน โค้ง และทางแยกต่างๆ อาจกะพริบไฟเพื่อให้รถที่สวนมาสังเกตเห็นรถเราได้ง่ายขึ้นด้วย สำหรับรถที่มีไฟตัดหมอก การเปิดไฟตัดหมอกก็ช่วยได้ แต่เมื่อทัศนวิสัยดีขึ้นแล้วควรปิดทันทีเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้ขับขี่ยวดยานอื่นๆ

2. งดเปิดไฟฉุกเฉินขับรถ

เพื่อขจัดความเข้าใจผิดเรื่องในการเปิดไฟฉุกเฉินขับรถ ขอย้ำกันอีกทีว่าไฟฉุกเฉินใช้เฉพาะเมื่อรถเสียเท่านั้น ยิ่งขณะหมอกลงจัดซึ่งผู้ขับขี่กะระยะห่างระหว่างรถได้ลำบาก การใช้ไฟฉุกเฉินจะทำให้รถคันอื่นเข้าใจผิดว่ารถจอดอยู่ หรือหากเปิดไฟเลี้ยวขณะที่เปิดไฟฉุกเฉิน รถคันอื่นจะไม่รู้ว่าเรากำลังจะเลี้ยวและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

3. ขจัดฝ้าบนกระจก

สำหรับรถยนต์แล้ว การขับรถขณะหมอกลงคงเลี่ยงไม่พ้นเรื่องฝ้าบนกระรถรถที่ยิ่งเพิ่มอุปสรรคด้านทัศนวิสัย หากรถไม่มีโหมดไล่ฝ้าบนกระจกหลัง ลองสังเกตว่าฝ้าเกาะอยู่บนกระจกด้านในหรือด้านนอก หากเกิดด้านในให้ลดอุณหภูมิแอร์ลง แต่หากเกิดด้านนอกให้ปรับอุณหภูมิแอร์ขึ้น หากฝนไม่ตก การเปิดกระจกรถเล็กน้อยเพื่อปรับอุณหภูมิภายในและภายนอกตัวรถให้ใกล้เคียงกันจะช่วยลดฝ้าได้ หรือจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเช็ดฝ้าที่เกาะกระจกด้านนอกด้วยผ้าสะอาด

4. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

เพื่อความปลอดภัย ให้รักษาความเร็วในการขับตามรถคันหน้า โดยใช้หลักการ 5 วินาที (หรือ 3 วินาที ในทัศนวิสัยปกติ) สังเกตง่ายๆ คือ หากรถคันหน้าขับผ่านหลักกิโล ป้ายบอกทางหรือต้นไม้ข้างทางจุดใดจุดหนึ่งก็ได้ ให้นับในใจว่า 1,000, 2,000, 3,000, 4,000, 5,000 หากเราขับรถผ่านหลักกิโลหรือต้นไม้นั้นๆ ก่อนนับจบ หมายถึงยังเว้นระยะห่างไม่พอ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจเบรครถไม่ทันได้

5. รถจี้ท้าย ไม่ต้องเร่งหนี

แม้ว่าจะรู้สึกอยากขับหนีรถคันที่จ่อท้ายรถคุณมากแค่ไหน ขอแนะนำว่าอย่าพยายามเร่งเครื่องหนี เพราะจะยิ่งทำให้การขับรถฝ่าหมอกอันตรายมากขึ้น พยายามรักษาระดับความเร็วที่เหมาะสมและปลอดภัยไว้ก่อน

6. งดเปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน

ข้อนี้คือสาเหตุหลักข้อหนึ่งของอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพถนนที่หมอกลงจัด หากต้องการเปลี่ยนช่องจราจร ควรเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อให้รถคันอื่นๆ ที่ตามมาชะลอความเร็วได้ทัน

7ดูกระจกก่อนแตะเบรค

สำหรับรถยนต์ ก่อนชะลอรถให้ดูกระจกหลังและกระจกข้างก่อนแล้วจึงค่อยๆ แตะเบรค ยิ่งให้สัญญาณเบรคแก่รถคันหลังได้ตั้งแต่เนิ่นๆ มากแค่ไหนยิ่งช่วยเตือนรถคันหลังว่าคุณกำลังชะลอรถและลดความเสี่ยงที่รถจะชนท้ายได้มากเท่านั้น

8. ลดสิ่งรบกวนรอบด้าน

สมาธิสำคัญมากขณะขับรถฝ่าหมอก ดังนั้น พยายามเพ่งสมาธิกับการควบคุมรถและการสังเกตเส้นทาง ลดสิ่งรบกวนให้มากที่สุดด้วยการลดเสียงเพลง ปิดการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์มือถือ พักการพูดคุยกับผู้ร่วมทางสักครู่ หรือแง้มกระจกรถเพื่อฟังเสียงยานพาหนะรอบด้าน

9. เพิ่มจุดสังเกต

ยิ่งทัศนวิสัยไม่ดี ผู้ขับขี่ยิ่งมีแนวโน้มที่จะขับตามไฟท้ายหรือไฟเบรคคันหน้าโดยอัตโนมัติ แท้จริงการขับตามไฟท้ายคันหน้าเพียงอย่างเดียวอาจจำกัดการมองเห็นขณะขับขี่ไว้เฉพาะช่วงแคบๆ และทำให้คุณพลาดการสังเกตสิ่งรอบด้าน เช่น กิ่งไม้ข้างทาง เศษวัสดุบนถนน หรือสิ่งมีชีวิตที่อาจพุ่งออกมาจากข้างทาง ถ้าจะให้ดีแนะนำให้สังเกตเส้นไหล่ทาง เส้นเหลือง แนวเสาไฟฟ้าหรือเสาข้างทางที่ติดแถบสะท้อนแสงควบคู่กันไปด้วย ในขณะเดียวกัน อาจสังเกตไฟหน้าของรถที่สวนมา ถ้าเห็นเเต่ไกลเเสดงว่าข้างหน้าเป็นทางตรง แต่ถ้าอยู่ดีๆ มีไฟรถโผล่มาเเสดงว่าข้างหน้าเป็นทางโค้งและต้องเพิ่มความระมัดระวัง

10. ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า

เส้นทางที่หมอกลงจัดส่วนใหญ่มักเป็นเส้นทางต่างจังหวัดที่คุณไม่คุ้นเคย ซึ่งยิ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นไปอีก เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยจากความไม่ชินเส้นทาง เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางไว้ก่อน ไม่หวังพึ่ง GPS หรือ Google map เพียงอย่างเดียวโดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อจะได้ทราบว่าจุดใดต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ หรืออาจจะให้คนที่นั่งข้างๆ ช่วยกันดูทางด้วย

นอกเหนือจาก 10 วิธีขับขี่ฝ่าหมอกให้ปลอดภัยตามที่เรานำเสนอไปแล้ว สุดท้ายแล้วหากหมอกลงจัดจนคุณรู้สึกไม่มั่นใจ อย่าฝืนขับต่อ ให้ตัดสินใจจอดพักในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมันหรือจุดพักรถ งดจอดบนไหล่ทาง แต่หากจำเป็นต้องจอดไหล่ทาง ให้เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้สัญญาณและคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ระหว่างที่นั่งในรถ และเพื่อความปลอดภัยและสบายใจสูงสุดทุกเส้นทางขับรถเที่ยว สำรองความอุ่นใจไว้เสมอด้วยประกันรถยนต์หรือบิ๊กไบค์ชั้น1ที่มอบความคุ้มค่าถึง 2 ต่อ ด้วยส่วนลดเริ่มต้น 800 บาท พร้อมแบ่งจ่ายเงินสด 0% สูงสุด 6 เดือน ขอให้นักเดินทางทุกคนท่องเที่ยวหน้าหนาวกันอย่างสนุกสนานและปลอดภัยนะครับ

 

เช็คเบี้ยประกัน

ข้อมูลอ้างอิง

https://blog.firestonecompleteautocare.com
https://www.continental-tires.com