มาดูกันว่าประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี แบบไหนได้บ้าง
18/11/2022 14:18 น.
นอกจากการออมเงิน การเล่นหุ้นแล้ว การทำประกันชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมในสมัยนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการลงทุนกับความไม่แน่นอนจากสุขภาพร่างกายของตัวเราแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงมั่งคั่งให้กับตนเอง และครอบครัว ในยามที่บาดเจ็บ หรือแก่ชราอีกด้วย แต่นอกจากการสร้างความมั่นคงมั่งคั่งในชีวิตแล้ว ประกันชีวิตก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีตามกฎหมายได้อีกด้วย ในวันนี้ คานะ จะพาทุกคนมาทำความรู้ ทำความเข้าใจ ว่าประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี แบบไหนได้บ้าง?
สาเหตุที่ประกันชีวิต สามารถลดหย่อนภาษีได้
ที่มาของรูป:
เหตุผลที่ประกันชีวิต สามารถลดหย่อนภาษีได้ เพราะว่าการทำประกันถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับการออมเงิน สามารถมอบผลตอบแทนต่อความเสียหาย หรือเงินชดเชยยามเจ็บป่วย หรือแก่ชรา ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงมอบสิทธิพิเศษให้กับคนที่ทำประกันชีวิตด้วยการใช้ลดหย่อนภาษี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และเพิ่มแรงจูงใจให้คนสนใจมาทำประกันชีวิตมากขึ้น
ประกันชีวิตแบบไหนบ้างที่ลดหย่อนภาษีได้
แม้ว่าทางภาครัฐจะมีนโยบายลดหย่อนภาษีให้กับคนที่ทำประกันชีวิต แต่กระนั้นก็ไม่ได้ครอบคลุมกับประกันทุกประเภท โดยทางกรมสรรพากรได้ระบุสิทธิในการลดหย่อนภาษีสำหรับประกันชีวิตที่คุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สำหรับประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี หลักๆ จะมี 2 ประเภท ได้แก่ ประกันชีวิตแบบทั่วไป และประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตแบบทั่วไป
ประกันชีวิต เป็นการทำสัญญาระหว่างผู้เอาประกัน และบริษัทประกัน เพื่อทำสัญญาการคุ้มครองดูแลแความเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลต่อร่างกาย และชีวิตของผู้เอาประกัน โดยมีการให้เงินตอบแทนแก่ตัวผู้เอาประกัน และครอบครัว ซึ่งการทำประกันชีวิต ก็มีการแบ่งเป็นแต่ละประเภท ที่ให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้
1.ประกันชีวิตแบบระยะสั้น (Term Insurance)
ประกันที่ให้ความคุ้มครองเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยจะแบ่งเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี ประกันจะทำหน้าที่คุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตเป็นหลัก หากหลังจากที่ประกันหมดสัญญาแล้วผู้เอาประกันภัยยังมีชีวิตอยู่ กรมธรรม์สัญญาที่ทำไว้กับบริษัทประกันก็ถือเป็นสิ้นสุด โดยที่ผู้เอาประกันจะไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด ดังนั้นประกันชีวิตแบบระยะสั้นจึงเหมาะกับคนที่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันราคาที่ไม่แพงมาก และต้องการการคุ้มครองระยะสั้น
2.ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
ประกันชีวิตแบบระยะยาวที่จะให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันไปจนถึงอายุสูงสุดที่ 99 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับการทำสัญญาว่าผู้เอาประกันจะเลือกถึงอายุเท่าไหร่ หากผู้เอาประกันยังมีชีวิตจนครบสัญญา บริษัทประกันจะทำการจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุให้กับผู้เอาประกัน หรือหากผู้เอาประกันเสียชีวิต บริษัทก็จะทำการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับผลประโยชน์
3.ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Saving Insurance)
เป็นประกันที่มาในรูปแบบของการออมเงิน ที่มาพร้อมผลตอบแทนที่ชวนดึงดูดใจ โดยเฉพาะใครที่ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ก็จะยังทำหน้าที่ในการคุ้มครองชีวิตของผู้เอาประกัน เหมือนประกันชีวิตแบบอื่นๆ ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับเงินจากบริษัทประกัน จากกรณีที่เสียชีวิต หรือเมื่อครบกำหนดสัญญา
สำหรับประกันชีวิตแบบทั่วไป กรมสรรพากร ได้มีการกำหนดให้สามารถนำเบี้ยประกันมาทำการลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงสูงสุด 100,000 บาท
ประกันชีวิตแบบบำนาญ
เป็นประกันชีวิตในรูปแบบของเงินบำนาญ ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นเงินได้ประจำ เหมาะกับคนที่มองหาประกันที่จะให้เงินช่วยเหลือในยามที่แก่ชรา มีการจ่ายค่าเบี้ยประกันให้กับบริษัทประกัน เหมือนเป็นการเก็บเงินสำหรับใช้ยามเกษียณ จากนั้นบริษัทประกันจะทำการจ่ายเงินในรูปแบบบำนาญ ให้แก่ผู้เอาประกันเป็นงวดๆ ในช่วงที่ผู้เอาประกันมีอายุตั้งแต่ 55 - 85 ปีเป็นต้นไป
ประกันชีวิตแบบบำนาญเหมาะสำหรับใคร
1. คนที่ต้องการสร้างเงินเก็บ เพื่อวางแผนการเงินไว้ใช้ในช่วงหลังเกษียณ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินสำหรับใช้จ่ายในยามที่ไม่มีเงินเดือนจากการทำงานแล้ว
2. คนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนในการเกษียณ รูปแบบอื่นๆ เพราะประกันชีวิตจะให้ผลตอบแทนที่มั่นคง แน่นอน
3. คนที่ต้องการได้สิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี
สำหรับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญนั้น จะสามารถลดหย่อนภาษีได้มากกว่ากรณีประกันชีวิตในรูปแบบปกติ โดยสามารถลดหย่อนจากจำนวนที่จ่ายจริงได้สูงสุดถึง 300,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน
ใครที่กำลังมองหาประกันบำนาญ ลดหย่อนภาษี คานะขอแนะนำ ประกันชีวิตแบบบำนาญของ บมจ.ทิพยประกันชีวิต “TIPlife Smart Pension 90/2” ที่สมัครง่าย สะดวก รวดเร็วกับ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ที่ชำระเพียง 2 ปี รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 15% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สามารถลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท (ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด)
หมายเหตุ: ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยก่อนตัดสินใจทำประกันภัย